วันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

thumbnail

สงครามโลกครั้งที่สาม

ยังไงผมก็ยังเชื่อว่า ไม่เกิดสงครามโลกครั้งที่สามอย่างแน่นอน เพราะ เมื่อสงคราม (ที่อเมริกาทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่ประเทศไทยแต่มีแม่ชีปัดลูกระเบิดไปลงที่ญี่ปุ่นแทนนั้น (น่าจะปัดไปทิ้งมหาสมุทรแทนจะได้ไม่คนตาย)  แม่ชีบอกเล่าให้ลูกศิษย์ฟังตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ แล้วเล่าขานสืบต่อกันมา) ครั้งที่ญี่ปุ่นโดนระเบิดนิวเคลียร์ ญี่ปุ่นไม่มีระเบิดนิวเคลียร์เหมือนอเมริกา สงครามก็เลยจบ ย่อยยับเพียงฝ่ายเดียว

แต่สมัยนี้ ประเทศไหน รบกับ ประเทศไหน เหตุผลอะไร ต้องชัด และผมก็ดูไม่ออกว่า ประเทศไหนจะมีเหตุผลอะไรที่จะมีข้ออ้างในการไปรุกรานอีกประเทศหนึ่ง ยกตัวอย่างที่กำลังเป็นข่าวอยู่ในเวลานี้ อเมริกา กับ เกาหลีเหนือ ที่เกาหลีเหนือชอบทดสอบขีปนาวุธเล่นอยู่บ่อยๆแล้วอเมริกาก็มาปรามว่า “อย่าเล่น มันเสียวว้อยยยยย...” แล้วยังไงต่อไปล่ะ ยกกองทัพมาถล่ม เกาหลีเหนือเลยหรือ ข้อหา ชอบเล่นยิงขีปนาวุธ

เปรียบได้กับ คนที่ซื้อปืนมาหรือผลิตปืนเอง ก็อยากจะลองอยากจะทดสอบว่าปืนนั้นมันใช้ได้ไหม ก็ในเมื่อทดสอบอาวุธของตนเองแล้วไม่ไปโดนศีรษะใครมันก็จบ ต่อให้ไปโดนศีรษะใคร ก็ชดใช้ค่าเสียหายกันไป สมมุติว่า บังเอิญมันดันไปหล่นใส่เกาหลีไต้ ประกาศสงครามกันเลยหรือ ก็โอเค ทหารทั้งสองฝ่ายจับอาวุธเข้าสู้กัน แล้วชาวบ้านล่ะ ลูก เด็ก เล็ก แดง ผู้หญิงคนชรา พลอยล้มหายตายจากไปด้วย ก็เพราะอย่างที่ทุกคนรู้ อาวุธสมัยนี้การทำลายล้างสูง ตูม...เดียวพินาศสันตะโรเป็นวงกว้าง แล้ว ขีปนาวุธเกาหลีเหนือมันหล่นใส่ เกาหลีไต้ อเมริกา ไปเกี่ยวอะไรด้วย (ยกเว้นเกาหลีไต้ขอร้อง...) ผมเชื่อว่าเขาก็คงฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกันเองก็คงได้ แต่ถ้าเกาหลีเหนือไม่ชดใช้ค่าเสียหาย ก็คงต้องมีวิธีบังคับจนได้ล่ะน่า... ซึ่งถ้าไม่ให้ เกาหลีไต้ก็ใช้ทหารบุกเกาหลีเหนือ มันก็ยิ่งเจ็บยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ แล้วบังเอิญ ท่านคิม เสียชีวิตขึ้นมา พร้อม ทหารและประชากรอีกนับหมื่น บาดเจ็บอีกนับแสน จะหาอะไรมาเยียวยา  อย่างมาก ก็อาจจะรวม เกาหลีเหนือ – ไต้ เข้าด้วยกัน จบ แต่ทั้งเหนือและไต้คงจะเละน่าดูต้องใช้เวลาฟื้นฟูอีกสักเท่าไหร่

และผมก็เชื่อว่า ท่านคิม คงไม่ลงจากบันลังทองเพราะเรื่องแบบนี้หรอก นั่งกินนอนกินบนกองเงินกองทองอย่างปัจจุบันต่อไปอย่างนี้ชีวิตก็โคตรสุขพออยู่แล้วจะไปหาเรื่องตายทำไม

Subscribe by Email

Follow Updates Articles from This Blog via Email

No Comments

About

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ผู้ติดตาม